Work-Life Balance สุขสร้างได้เมื่อเกิดสมดุล
Work-Life Balance สุขสร้างได้เมื่อเกิดสมดุล
ถ้าให้มนุษย์ทำงานลิสต์มาว่าความท้าทายในชีวิตมีอะไรบ้าง เชื่อว่า “Work-Life Balance” หรือการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิต
น่าจะติดโผ 10 อันดับแรกแน่นอน ยิ่งในยุคโควิด-19 ที่เราต้อง Work from Home ในยุคที่เราใช้ชีวิตวิถีใหม่
ในยุคที่มีเทคโนโลยีดิสรัปชั่น เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวน้อยลงทุกที
ทำให้หลายคนทำงานแทบจะตลอดเวลาแม้จะไม่ได้อยู่ในออฟฟิศหรือนั่งอยู่หน้าคอม
จึงรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างมาก พาลทำให้เบื่องานและเสียสุขภาพทั้งกายและใจ
ทำอย่างไรจึงจะได้ความสุขของการมีชีวิตที่สมดุลคืนมา
โดยที่ยังคงมีรายได้ที่มั่นคง
สวัสดิการที่ดี โอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การเรียนรู้พัฒนาตนเอง
และการมีสังคมที่ดี Happy
University ชวนคุณมาดูว่าทำยังไงถึงจะมีความสุขทั้งกับงานและชีวิตส่วนตัว
หรือความสุขในมิติ Happy Work-Life และ Happy
Relax ไปพร้อม ๆ กัน
หาจุด
“สมดุล” ของคุณเอง
เริ่มจากการค้นหาว่าจุดที่สมดุลที่สุดอยู่ที่ไหน เพราะสมดุลไม่ได้หมายความว่า “คนละครึ่ง”
เสมอไป Work
Life Balance จึงไม่ได้หมายความว่าเราต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งให้กับงาน
อีกครึ่งให้ตัวเอง แต่ความสมดุลความพอดีของแต่ละคนที่ต่างกัน ถ้าคุณบ้างาน
ทำงานวันละ 18 ชั่วโมงแล้วรู้สึกมีความสุขดี นอนหลับ กินอิ่ม
นั่นคือสมดุลของคุณ แต่บางคนชอบทำงานไปเล่นกับหมาแมวไป
พักทำอย่างอื่นระหว่างชั่วโมงทำงาน
หรือชอบทำงานในช่วงเวลาอื่นที่แตกต่างจากเวลาทำงานออฟฟิศ
คำว่าสมดุลจึงขึ้นกับความพอใจและสถานการณ์ของแต่ละคน
ถ้าจะใช้ชีวิตให้มีความสุขสิ่งแรกคือต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า “สมดุล”
ที่ทำให้คุณมีความสุขคือตรงไหน
ปรับทัศนคติ
ในการสร้างสมดุลชีวิตส่วนตัวและงานตามที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.) แนะนำคือ การยอมรับและรักในงานที่ทำ เข้าใจในบทบาทของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อบ้านกลายเป็นออฟฟิศ
คำว่า “งาน” กับ “ส่วนตัว” แทบจะแยกจากกันไม่ออก
เราจึงต้องปรับตัวและปรับทัศนคติเสียใหม่
ว่าการทำงานกับการใช้ชีวิตของเราไม่จำเป็นต้องแยกจากกันโดยเด็ดขาดอีกต่อไป ยอมรับวิถีใหม่และหลากหลายบทบาทในชีวิต เช่น
คุณอาจจะนั่งทำงานทั้งวัน สอนนักศึกษาด้วย ทำวิจัยด้วย แต่ก็สามารถจัดการเวลาสำหรับเรื่องส่วนตัวได้โดยไม่เสียงาน
การยอมรับในบทบาทความรับผิดชอบที่หลากหลายจะช่วยลดความเครียด
และทำให้คุณมีแรงฮึดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณได้
ตั้งเป้าหมายและจัดลำดับความสำคัญ “ตั้งเป้าให้ชีวิต พิชิตความ...ก้าวหน้า/มั่นคง/ความสุข ?”
ไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหนทั้งงานและชีวิตล้วนต้องการเป้าหมายที่ชัดเจน
เพื่อสร้างทางเดินไปสู่ความก้าวหน้า ความมั่นคงและความสุขอย่างที่คุณต้องการ
ตั้งเป้าหมายของคุณสำหรับทั้งสองเรื่อง จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง จัดตารางเวลา และเริ่มทำตามลำดับ วิธีนี้จะช่วยให้คุณจัดการทั้งงานและชีวิตได้อย่างเป็นระบบ
และเข้าใกล้เป้าหมายในชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้จะมีเรื่องวอกแวกให้ต้องไปจัดการบ้าง แต่คุณก็ยังอยู่บนเส้นทางที่ชัดเจน
ยืดหยุ่นบ้าง “ยืดหยุ่นให้ได้ ปรับตัวให้เป็น”
สมดุลมักมาพร้อมกับความยืดหยุ่น
เพราะเราอาจต้องปรับเวลาในการทำงาน การใช้ชีวิตส่วนตัว
ปรับวิธีการทำงานและแนวทางในการทำกิจกรรมต่าง ๆ บางทีอาจต้องหักใจตัดสิ่งที่ไม่สำคัญหรือสำคัญน้อยออกไปบ้าง
ทุกอย่างอาจจะไม่คุ้นเคยและคาดเดาได้เหมือนเคย การทำรายการสิ่งที่ต้องทำทุก
ๆ วันเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าบีบบังคับตัวเองจนเครียด อย่าลืมวันนี้ ชีวิตของเรา
ของคนรอบข้าง และสังคมรอบตัวเปลี่ยนไปมาก
โดยเฉพาะเมื่อมีโควิดเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นความเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน วิธีการเดิม ๆ
ที่เคยใช้ได้ดีอาจใช้ไม่ได้แล้วกับสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้ายังยึดติดกับสิ่งที่เคยทำ
เคยเป็น จะทำให้เครียดเพิ่มขึ้น ความสุขจะลดลง แต่ก็อย่ายืดจนยานล่ะ งานไม่เสร็จเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
มีวินัย “สร้างวินัย ให้ตัวเอง”
แม้ว่าความยืดหยุ่นจะสำคัญแต่การจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจต้องอาศัยวินัย
คุณอาจให้เวลามากหน่อยกับสิ่งที่ชอบ
ให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองมากขึ้น
แต่คุณก็ต้องตั้งเป้าว่าจะทำงานให้ได้มากน้อยเท่าไหร่ด้วย
เพื่อให้ทั้งงานและชีวิตส่วนตัวเดินไปพร้อม ๆ กัน
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะวางแผนดีขนาดไหนวินัยจะเป็นตัวที่ควบคุมให้คุณสามารถเดินตามเส้นทางไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
แผนดี ๆ ที่ไม่มีวินัยมาควบคุมจะไม่สามารถทำให้คุณไปถึง Work-Life
Balance ที่ต้องการได้
เทคโนโลยีช่วยได้
ต้องขอบคุณโลกนี้ที่มีเทคโนโลยีใหม่
ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ให้คุณบริหารเวลาและจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น เช่น
คุณพ่อคุณแม่ประชุมผ่านแอปพลิเคชันไปพร้อม ๆ กับที่ลูก ๆ
เรียนออนไลน์ในพื้นที่เดียวกัน และยังสามารถมีกิจกรรมในบ้านร่วมกันได้ คุณอาจใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยจัดการตารางทำงานบ้านที่แจ้งเตือนว่าวันนี้ใครต้องผิดชอบอะไร
หรือจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้านแบบอัตโนมัติผ่านช่องทางออนไลน์
คุณจะได้ไม่ต้องปวดหัววิ่งวุ่นจัดการ
แล้วเอาเวลาอันมีค่าของคุณมาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญและจำเป็นจริง ๆ หรือใช้พักผ่อนให้สบายใจดีกว่า
Work Life Balance ในชีวิตวิถีใหม่อาจมีความหมายไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ต้องแบ่งแยกชัดเจนแต่รวมเป็นหนึ่งเดียวที่กลมกลืน คุณเพียงต้องหาสมดุลที่ตรงกับความต้องการของคุณแล้วจัดลำดับความสำคัญ แล้วปรับตารางเวลาในแต่ละวันให้เหมาะกับสถานการณ์มากขึ้น ที่เคยเลิกงาน 5 โมงเย็น กลับถึงบ้านทุ่มกว่า ก็เอาเวลาที่เคยใช้ในการเดินทาง มาชวนคนในบ้านทำกับข้าว หรือออกกำลังกายกับสมาชิกในครอบครัวเพื่อผ่อนคลายร่วมกัน เป็นต้น อย่ายึดติดกับสิ่งที่เคยทำ พยายามสร้างความยืดหยุ่นและหาตัวช่วยแบ่งเบาภาระ แต่อย่าลืมว่า วินัยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คุณสามารถบริหารเวลา และสร้าง Happy Work-Life ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เท่านี้คุณก็สามารถสร้างสมดุลของการงานและชีวิตและมีความสุขได้อย่างแท้จริงแล้ว
*****************************************************************************
อ้างอิงข้อมูลจาก:
1. Thitiphon Yothaphan. (2564). เทคนิคจัดสมดุลชีวิต การทำงาน x ชีวิตส่วนตัว.
เข้าถึงได้จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/54324-เทคนิคจัดสมดุลชีวิต%20การทำงาน%20x%20ชีวิตส่วนตัว.html
2. Phichitra Phetparee. (2562). จัดสมดุล ชีวิตและการทำงาน.
เข้าถึงได้จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/47238-จัดสมดุลชีวิตและการทำงาน.html
3. วรรษชล ศิริจันทนันท์ และ ปวเรศ วงศ์เพชรขาว. (2561). คิดใหม่ นิยามกันใหม่ 'Work-Life Balance' คืออะไรกันแน่?.
เข้าถึงได้จาก https://www.gqthailand.com/views/article/work-vslife-what-would-you-choose
4. ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ และ ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ์. / (2018). Work-Life Balance ทำได้จริงไหม และอย่างไรถึงจะสมดุล.
เข้าถึงได้จาก https://thestandard.co/podcast/ihatemyjob13/
5. Marisa Sanfilippo. (2020). How to Improve Your Work-Life Balance Today.
derived from https://www.businessnewsdaily.com/5244-improve-work-life-balance-today.html