4 วิธีกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว

รักนะ… 4 วิธีกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว
แม้โลกนอกบ้านวุ่นวาย ความเครียดพุ่งปรี๊ด แต่อย่าปล่อยให้ปัญหานอกบ้านตามมาในรั้วบ้าน เพราะครอบครัว คือ สถานที่ที่เราสบายใจ  ถ้าในครอบครัวมีความสุข ร่มเย็น คนในบ้านรักกัน มีความอบอุ่นใจ จะช่วยชาร์จพลังให้พร้อมออกไปสู้ข้างนอกใหม่  ครอบครัวที่มีความสุขหรือ Happy Family จึงเป็นอีกหนึ่งมิติของความสุขพื้นฐานที่ทุกคนในบ้านต้องช่วยกันเพิ่มพูน

 

แต่บางครั้งก็ยากนะ เพราะคนในครัวครัวมีความหลากหลายไม่ต่างจากสังคมข้างนอก มีคนหลายวัยอยู่ด้วยกัน แต่ละคนก็มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน มีความต้องการต่างกันไป อดไม่ได้ที่จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง Happy University มีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทุกคนช่วยกันสานความสัมพันธ์ในครอบครัว ให้เป็นสถานีเติมพลังให้เราพร้อมจะก้าวไปอย่างแข็งแรง

 

รักก็บอกว่ารัก ห่วงใยให้ดูแลกัน

นึกถึงบรรยากาศละมุนเหมือนในซีรี่ส์เกาหลีที่เราติดกันงอมแงมสิ อยากให้มีโมเม้นต์นี้ที่บ้านเราบ้าง ต้องอย่าเขินที่จะบอกรักกัน การบอกรักกันในครอบครัวจะทำให้เกิดพลังบวก เกิดความมั่นใจ และเชื่อมั่นในตนเอง  ถ้าเขินมากลองหาวิธีบอกอ้อม ๆ แสดงความห่วงใยกัน เช่น เหนื่อยไหม  อยากกินอะไร  กินข้าวหรือยัง มีอะไรให้ช่วยไหม  หรืออาจแสดงออกทางกาย เช่น กอดกัน ช่วยหยิบของให้ ช่วยนวดเท้านวดมือให้คุณตาคุณยายบ้าง สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามบางทีก็มีความหมายและสะท้อนความสัมพันธ์ได้ดี เช่น การหยิบแว่นตาวางไว้ให้ใกล้มือคุณพ่อโดยไม่ต้องรอให้คุณพ่อขอร้อง ช่วยทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ นอกจากจะช่วยรักษาความสะอาด เป็นระเบียบในบ้านแล้ว ยังสะท้อนถึงความห่วงใยด้วย  จะวิธีไหน คุณเลือกได้ตามความถนัดเลย

 

สำหรับในวันหนัก ๆ ที่สมาชิกคนใดในครอบครัวมีปัญหา ไม่ว่าจะการเรียน การทำงาน เรื่องส่วนตัว  การเล่าให้คนในครอบครัวฟังจะช่วยระบายความกังวล ความเครียด ความเศร้า ช่วยให้คำแนะนำ ทางทางออกได้ด้วย  บางทีแค่ยิ้มที่ส่งให้กัน จับมือ หรือกอดกันก็ช่วยบรรเทาความทุกข์ได้แล้ว

 

ทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ร่วมกัน

การหากิจกรรมที่ทุกคนในบ้านทำร่วมกันได้ก็น่าสนใจนะ  ไม่ต้องเป็นจริงเป็นจังขนาดมีแผน มีวัตถุประสงค์ มีกระบวนการ มีการวัดผลเหมือนกิจกรรมทีมบิลดิ้งในที่ทำงานหรือในโรงเรียน อันนั้นก็เกินเบอร์ไปหน่อย  อาจเป็นกิจกรรมง่าย ๆ มีประโยชน์ ไม่มีสาระบ้าง เฮฮาปาร์ตี้บ้าง แล้วแต่สไตล์บ้านใครบ้านมัน บ้านไหนผู้สูงวัยเยอะ อาจจะยกครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้านกันบ้าง พาไปสถานที่ที่คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายชอบ หรือให้ลูกหลานสอนวิธีถ่ายภาพให้ปังด้วยโทรศัพท์มือถือ สอนตกแต่งภาพสวย ๆ สำหรับส่งไลน์สวัสดีวันจันทร์บ้างก็ยังได้  บ้านไหนมี Gen Y กับ Gen Z เยอะหน่อย อาจจะสนใจออกไปเล่นเซิร์ฟสเก็ต ปั่นจักรยาน อีสปอร์ต ใครฮาร์ดคอร์จะลงวิ่งมาราธอนทั้งครอบครัวก็ไม่ว่ากัน

 

คุณพ่อคุณแม่อาจจะจูงมือลูกเข้าร่วมกิจกรรมของที่ทำงานได้ เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ได้จัด “โครงการบูณราการความสุข ชาว ม.อ.ภูเก็ต” นำบุคลากรและครอบครัวดูงานการทำน้ำพริกของกลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านผักฉีด ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต  ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ลองทำน้ำพริกเอง ได้คุยกับคนในชุมชน ได้เมนูเด็ดกลับไปทำเองที่บ้าน และยังได้เที่ยวด้วยกันอีก เรียกว่ากิจกรรมเดียวสานสัมพันธ์ได้ทั้งระหว่างคนในครอบครัว ในที่ทำงานเดียวกัน และชุมชนไปพร้อมกัน

 

ทำดีต้องชม

ทำดีก็ควรได้รับคำชมจริงไหม ถ้าคนในครอบครัวมีพฤติกรรมที่ดี ประสบความสำเร็จ หรือแม้กระทั่งการทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ชมเลยจ้าอย่าปากหนัก ไม่ต้องกลัวลูกหลานจะเหลิง   เวลาพูดคุยกันควรใช้คำที่ฟังแล้วสบายใจ ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล จะช่วยให้บรรยากาศในบ้านอบอุ่น น่าอยู่ สมาชิกในครอบครัวมีกำลังใจ มีความมั่นใจ มีพลังที่จะทำในสิ่งที่ดียิ่งขึ้นไป แต่ควรระวังอย่าชมมากเกินพอดีหรือดูไม่จริงใจ  เมื่อไรที่เราออกไปนอกบ้าน แล้วเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เมื่อนึกถึงคนในครอบครัว เราจะตั้งสติได้เร็ว และรับมือกับทุกเรื่องราวได้   

 

รับฟังและเปิดใจ

ใครจะชอบฟังคนอื่นติหรือค้านสิ่งที่เราคิดหรือทำล่ะ  ยิ่งช่องว่างระหว่างวัยนับวันจะมากขึ้น โลกที่หมุนเร็วขึ้นอาจทำคนให้บางเจเนอเรชั่นในบ้านตามไม่ทัน ความไม่เข้าใจจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันบ่อย ๆ ต้องใจเย็น ต้องเตือนกัน ถ้าเราไม่เตือนกันเองในครอบครัวใครจะมาเตือนเราได้ 

 

สำหรับการติและเตือน ต้องมีเทคนิคและลีลากันหน่อยเพื่อรักษาบรรยากาศที่ดี และทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ถ้าลูกทำไม่ดี พ่อแม่ควรดูบรรยากาศก่อนว่าลูกพร้อมจะฟังคำติคำเตือนไหม กำลังอารมณ์ร้อนอยู่ไหม เวลาติหรือเตือน ควรเจาะจงในพฤติกรรมที่ต้องการเตือน อย่าพาลไปเรื่องอื่น ๆ  ต้องให้แนวทางด้วยว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ควรทำอย่างไร อย่าลืมว่าเวลาติหรือเตือน อย่าทำต่อหน้าคนอื่นให้ลูกอาย  ลูก ๆ เองก็สามารถเตือนพ่อแม่ได้เช่นกัน พ่อแม่ก็ควรรับฟัง เปิดใจ และหาจุดกึ่งกลางที่ทุกคนจะพอใจร่วมกัน

 

การรับฟัง สำคัญมากสำหรับพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ในบ้าน  สิ่งที่เป็นบรรทัดฐานในรุ่นก่อน อาจไม่ใช่สำหรับวันนี้ เช่น การสักตามร่างกายเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปเมื่อ 50 ปีก่อน แต่วันนี้การสักกลายเป็นแฟชั่น เป็นการแสดงออกถึงความชื่นชมในความงามและศิลปะ  การอยู่ก่อนแต่งอาจทำให้ถูกมองไม่ดีเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่วันนี้กลายเป็นเรื่องของสิทธิที่จะเลือก และไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงในสังคม ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายยินดีและรู้จักดูแลตัวเองอย่างดี ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่อาจจะทำใจยากสำหรับคนเจเนอเรชั่นพ่อแม่ แต่ถึงเวลาที่เราต้องปรับตัว ยืดหยุ่น และรับฟังอย่างเปิดใจ

 

Happy University นำคำแนะนำ 4 ข้อง่าย ๆ แต่ไม่ง่ายมาให้อ่านกันวันนี้ ลองเริ่มทำทีละเล็กทีละน้อย ค่อย ๆ ปรับไปในครอบครัว แล้วเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ปัญหาอะไร ใหญ่แค่ไหน ขอแค่ให้ในครอบครัวเรามีความรักความอบอุ่นมีความสุขเท่านี้ก็พอ และเมื่อเรามี Happy Family แล้ว ความสุขมิติอื่นๆ จะตามมาเอง 



*******************************

อ้างอิง

1. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. (2561). โครงการ “บูรณาการความสุข ชาว ม.อ.ภูเก็ต”  เข้าถึงได้จาก https://web1.phuket.psu.ac.th/emeeting_hwp/images/Files/73.2.pdf

2. Bonded. (2561). เมื่อลูกสาวขอสัก?. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/120676879729849/videos/236335267626669

3. Donnaya Suvetwethin. (2560). เคล็ดลับ `สร้างสุขครอบครัวไทย’. เข้าถึงได้จาก

https://www.thaihealth.or.th/Content/38341เคล็ดลับ+%60สร้างสุขครอบครัวไทย%60.html

4. Phichitra Phetparee. (2562). เทคนิคเพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัว. เข้าถึงได้จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/47325-เทคนิคเพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัว.html